วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วิธีเก็บรักษาดอกไม้

วิธีเก็บรักษาดอกไม้

ใครที่อยากเก็บดอกไม้ไว้นาน ๆ บ้าง วันนี้เกร็ดความรู้มีวิธีเก็บรักษาดอกไม้มาฝากกัน...

1. ปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติ กำดอกไม้เป็นกำย่อย ๆ 5-10 ช่อ แล้วนำไปแขวนกลับหัวลง เพื่อให้ก้านตรง ควรแขวนไว้ในที่แห้ง ๆ ไม่ถูกแสงแดดโดยตรง

2. การทำดอกไม้ทับแห้ง ทำได้ โดยการเก็บลงหนังสือ แต่ก่อนที่จะเก็บลงหนังสือ ควรนำดอกไม้มาตัดแต่ง ซึ่งสามารถนำดอกไม้แห้งที่ได้ มาใช้ทำการ์ด ที่คั่นหนังสือ และอื่นอีกมากมาย

3. ใช้สารดูดความชื้น ใช้ซิลิกาเจลแบบเม็ดละเอียด (ทราย)
วิธีทำ เริ่มจากการนำดอกไม้ที่ต้องการ ไปอบแห้งแล้วตัดก้านออกให้เหลือความยาวประมาณ 1 นิ้วเป็นอย่างต่ำ หลังจากนั้นก็หาภาชนะ ที่มีขนาดใหญ่พอที่จะบรรจุดอกไม้ที่ต้องการอบได้ เติมซิลิกาเจลลงในภาชนะประมาณ 1/2 - 1 นิ้ว ปักดอกไม้ที่เตรียมไว้ลงในซิลิกาเจล แล้วค่อย ๆใช้ช้อนตัก ซิลิกาเจลเติมลงไปรอบ ๆ ดอก และ ในระหว่างกลีบดอก ระวังอย่าให้กลีบพับ จนกระทั่งกลบดอกไม้ท่วมหมด

ความหมาย แห่ง บัว


บัว เป็นพืชน้ำล้มลุก ลักษณะลำต้นมีทั้งที่เป็นเหง้า ไหล หรือหัว ใบเป็นใบเดี่ยวเจริญขึ้นจากลำต้น โดยมีก้านใบส่งขึ้นมาเจริญที่ใต้น้ำ ผิวน้ำหรือเหนือน้ำ รูปร่างของใบส่วนใหญ่กลมมีหลายแบบ บางชนิดมีก้านใบบัว
บัวเป็นราชินีแห่งไม้น้ำ จัดเป็นพันธุ์ไม้น้ำที่ถือเป็นสัญญลักษณ์ของคุณงามความดี บัวหลวงชอบขึ้นในน้ำจืดออกดอกตลอดปี ชอบน้ำสะอาด อยู่ในน้ำลึกพอสมควร ถิ่นกำเนิดของบัวอยู่ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จะเริ่มบานตั้งแต่ตอนเช้า ก้านดอกยาวมีหนามเหมือนก้านใบ ชูดอกเหนือน้ำ และชูสูงกว่าใบเล็กน้อย กลีบเลี้ยง 4-5 กลีบ สีขาวอมเขียวหรือสีเทาชมพู ร่วงง่าย กลีบดอกจำนวนมากเรียงซ้อนหลายชั้น เกสรตัวผู้มีจำนวนหลายสี


SOURCE : Wikipedia

วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ประเภทของ บัว

     บัวเป็น พื้ชน้ำ ล้มลุก  ลำต้นมีหลายลักษณะ  มีแบบ  เหง้า  ไหล  ใบเป็นใบเดี่ยว เจริญขึ้นจากลำต้น  โดยมีก้านใบส่งขึ้นมาเจริญใต้น้ำ ผิวน้ำ หรือ เหนือน้ำ  รูปร่างของใบส่วนใหญ่กลมมีหลายแบบ บางชนิดมีก้านใบติดอยู่ที่หลังใบ ดอกเป็นดอกเดี่ยวสมบูรณ์เพศ  ประกอบด้วยกลีบเลี้ยง 4-6 กลีบ  กลีบดอกมีทั้งชนิดซ้อนและไม่ซ้อน มีสีสันแตกต่างกันไปตามชนิด
     บัวที่พบ  และ  นิยมปลูกในประเทศไทยมีอยู่  2  วงศ์
                                             และ  แยกออกเป็น  3  สกุล   

     1.วงศ์  NELUMBONACEAE
            สกุล  Nelumbo  บัวหลวง  หรือ  ปทุมชาติ  (Lotus) 
               มีถิ่นกำเนิด แถบเอเชีย  ลำต้นเป็น  เหง้า  และ ไหล
                  ใบและดอกเกิดจากหน่อ  ใบชูเหนือน้ำ  ก้านใบและก้านดอกมีหนาม  






2. วงศ์  NYMPHAEACEAE
      สกุล  Nymphaea 
          อุบลชาติ (Waterlily)
             ลักษณะ
                 ลำต้น  อยู่ใต้ดิน  เป็นหัว  หรือ  เหง้า
                 ใบหรือดอกเกิดจากตา หรือ หน่อ ใบลอยแตะผิวน้ำ  ไม่มีหนาม
                  ออกดอกเดี่ยว
 ได้แก่  บัวฝรั่ง  บัวผัน  บัวเผื่อน  จงกลนี  บัวสาย  บัวนางกวัก  บัวยักษ์ออสเตรเลีย



1. จงกลนี
         ขอบใบมนถึงแหลม ไม่เป็นระเบียบ
         ใบลอยแตะผิวน้ำ
         ดอกลอยบนผิวน้ำ
         บานตลอดเวลา
             (เพราะกลีบดอกมีจำนวนมากเมื่อบาน แล้วจึงไม่สามารถหุบได้)




2. บัวผรั่ง
        ขอบใบเรียบ
        ใบลอยแตะบนผิวน้ำ
        ก้านอ่อนไม่มีหนาม
        ดอกลอยเหนือน้ำ











3.บัวนางกวัก
      ใบลอยแตะบนผิวน้ำ
      ใบแหลมมนไม่เป็นระเบียบ
      ที่แปลกกว่าเพื่อน คือ กลีบเลี้ยง จะยื่นออกมาด้านข้างรอบกลีบดอก










4. บัวผันและบัวเผื่อน
       ใบลอยแตะบนผิวน้ำ
       ใบแหลมหรือมนไม่เป็นระเบียบ
       ดอกชูพ้นน้ำ

              บัวเผื่อน  ดอกจะเล็ก  พบได้ในน้ำตื้น
                 สาเหตุที่เรียกว่าบัวเผื่อน เพราะ เมื่อดอกบานวันแรกจะมีสีขาวนวล พอดอกบานจนใกล้โรย หรือ บานเต็มที่ ดอกก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพู

              ปัจจุบันบัวเผื่อนได้ถูกพัฒนาให้มีสีสันหลากหลายสีมากขึ้น







5. บัวยักษ์ออสเตรเลีย
       ดอกลอยชูเหนือน้ำ
       ใบแหลม หรือ มน ไม่เป็นระเบียบ
       ที่พบในประเทศไทย มี 3 สี
           สี  ขาว  ม่วง  ม่วงอมฟ้า














6. บัวสาย
       ขอบใบเรียบ หรือ ถี่แหลม เป็นระเบียบ
       ใบลอยแตะผิวน้ำ
       ก้านใบเรียบ  ก้านใบและก้านดอกค่อนข้างหนียว  ดอกชูขึ้นพ้นน้ำ  
       บานตอน กลางคืน















สกุล  Victoria
            บัววิกตอเรีย
              ชื่อเรียกทั่วไป "บัวกระด้ง"

                   มีขนาดใหญ่ที่สุด  ขอบใบยกขึ้นตั้งตรง  คล้ายกระด้ง  มีหนามแหลม





     บัวแต่ละสกุลมีความหลากหลายต่างกัน  ในปัจจุบัน มีสายพันธุ์แท้ และ สายพันธุ์ลูกผสมมากมายให้ผู้รักบัวซื้อมาปลูกเป็นไม้ประดับสวน มองแล้วให้เกิดความสวยงาม ช่วยใฟ้ผ่อนคลายเมื่อเราเหนื่อยล้าจากการทำงาน และ บัวยังมีประโยชน์ อีกมากมายในเรื่องของสมุนไพรอีกด้วย









วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Lotus = บัว = บุญ

Lotus (บัว)  เป็นไม้น้ำที่มีความงดงามมาก ทั้งรูปร่าง ตอนตูมเหมือน การกระพุ่มมือไห้ว ยามเมื่อต้องแสงแดดจ้า บัวก็ยิ่งเพิ่มความงดงาม มีสีสันหลากหลาย มองดูแล้วไม่เบื่อตา กลับเกิดความเย็นใจขึ้นได้อย่างประหลาด

     มีสายพันธุ์มายมาย มากจนบางทีทำให้เราสับสน เนื่องด้วยสีสันใกล้เคียงกัน และ รูปลักษณ์ของใบที่ไม่แตกต่างกันมาก จึงเป็นการยากที่จะดูแต่ผิวเผินได้ อีกทั้ง แต่ละสายพันธุ์ล้วนก็มีความงามแตกต่างกัน แต่สำหรับผู้ที่รักบัวแล้ว คงไม่มีคำว่า "ยาก" ที่จะเรียนรู้

     คุณประโยชน์ของบัวนั้นมีมาก
บัว   เป็น   สิ่งบูชา พระพุทธเจ้า
บัว   เป็น   ยา สมุนไพรโบราณ
บัว   เป็น   อาหารคาว
บัว   เป็น   อาหารหวาน


บัว   เป็น อะไรที่เกี่ยวข้องกับ(ไทย)เรามานาน
ประวัติศาสตร์
ศาสสนา
วัฒนธรรม
ประเพณี
ศิลปะ
ฯลฯ

     ดังนั้นเรากล่าวได้เต็มปากว่า  บัว  เป็นดอกไม้ที่มีการนำไปเกี่ยวโยงเข้ากับ ชีวิตประจำวัน ของมนุษย์เรามาก ถึง มากที่สุด

     บัว นับเป็นดอกไม้ที่มีความสำคัญยิ่ง ต่อ ผู้นับถือ ศาสนาพุทธ

     แรกเกิด  พ่อแม่  จะนำ ดอกบัว มาจัดแจกันไหว้บูชาพระที่บ้าน แสดงความดีใจ พร้อมบอกกล่าว ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้รับรู้  ว่ามีสมาชิกใหม่ เกิด เพิ่มขึ้นในบ้าน

     ในระหว่างช่วงการดำเนินชีวิต   เป็นของที่ขาดเสียมิได้ ในการทำบุญตักบาตร ในยามเช้า ของทุก ๆ วัน  มักจำนำดอกบัวกำรวมกันกับธูป และ เทียน ไว้ถวายพระ

     เวลาใกล้ดับจิต ลง  ญาติ ก็จะนำดอกบัว  ธูป  เทียน  มามัดกำไว้ในมือผู้ที่จะวายชนม์  พร้อมทั้งกระซิบข้าง ๆ หู  ให้นึกถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงแต่เรื่องดี ๆ  และ  ให้นำดอกบัวนี้ไปบูชาพระพุทธองย์ยัง สรวงสวรรค์
Custom Search